โหราศาสตร์ยูเรเนียนคืออะไร ตอน 1

ที่จริงคำถามนี้ก็มีผู้ถามและตอบกันมากแล้ว สามารถค้นหาจากอินเตอร์เน็ตให้พบได้โดยไม่ยาก ผมเองหากจะเขียนไปในลีลาของตัวเองเพื่อตอบคำถามดังกล่าวก็จะได้อีกสำนวนหนึ่ง แต่มาคิดตกที่ว่า ผมจะขอแปลสรุปมาจากหนังสือบางเล่มที่เห็นว่าพอจะน่าใช้อ้างอิงได้ และผมก็ชอบใจในความหมายที่อธิบายไว้ในหนังสือเหล่านั้นเป็นพิเศษด้วย ผนวกไว้ด้วยเกร็ดประวัติหรือความรู้พิเศษบางประการที่น่าสนใจ เอาวิธีนี้ดีกว่า...ซึ่งจะพยายามนำมาให้อ่านกันจากหลาย ๆ เล่มหนังสือ เพื่อให้ประกอบเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในใจของผู้อ่านนั้นเองว่า...โหราศาสตร์ยูเรเนียนคืออะไร?
 
คำอธิบายจากหนังสือดังนี้
 
Udo Rudolph, The Hamburg School of Astrology: An Explanation of its Methods, 1973.
อูโด รูดอลฟ์, สำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก: คำอธิบายถึงวิธีการที่ใช้, ค.ศ. 1973.
 
"...กระบวนการอันมีความพิเศษซึ่ง อัลเฟรด วิตเตอ (Alfred Witte) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School of Astrology) ประกาศสนับสนุนเป็นพิเศษอย่างที่จะโฆษณาให้เป็นที่เชื่อกันนั้น มีอยู่ดังนี้
 
1) การใช้จานหมุน 360 องศา
2) ดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures)
3) การใช้สมการในแบบ a+b = c+d ซึ่งมีความสัมพันธ์กันกับเรื่องดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures)
4) การใช้ดาวทิพย์ (Transneptunians) ทั้ง 8 ดวง
5) การใช้ระบบเรือนชะตาแบบพิเศษและจุดแกนโลก (Cardinal Points)
 
กฎเกณฑ์โดยปกติทั้งหมดซึ่งค้นพบโดยระบบโหราศาสตร์ดั้งเดิม (Classical Systems of Astrology) นั้นเป็นที่ยอมรับอย่างสิ้นเชิงของสำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School) แต่ทว่าในการใช้กรรมวิธีต่าง ๆ นั้นจะต้องได้รับการปลดเปลื้องจากฝุ่นผงอันบดบังมาจากแต่ช่วงยุคกลาง (Middle Ages) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องมุมสัมพันธ์ตามแบบแผนดั้งเดิมได้เป็นส่วนหนึ่งของดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) ดังนั้นเองจึงได้ถูกบรรจุไว้ในระบบนี้ กรรมวิธีซึ่งใช้โดยสำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School) นั้นถูกพิจารณาว่าเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติมเต็ม และที่จริงแล้วก็เป็นส่วนขยายที่มากขึ้นจากโหราศาสตร์ดั้งเดิม (Classical Astrology)"
 
ต่อไปนี้เป็นการสรุป เพื่อรวบความให้สั้นเข้า (หรือขยายความ เพื่อเสริมบางอย่างอันหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อความเข้าใจ) นอกเหนือจากที่อยู่ในเครื่องหมาย "..." เป็นข้อความเชื่อมโยงที่ผมใส่เข้าไปเอง เพื่อให้เนื้อหายังคงมีความต่อเนื่องกันหลังจากที่ได้ตัดภาพหรือเนื้อหาบางส่วนออกไป
 
1) จานหมุน 360 องศา 
 
ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมในการสร้างแผนภาพดวงชะตา (Horoscope Chart) แบบใหม่ อย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยวางตำแหน่งดาวไว้ที่ด้านขอบนอกของจานวงกลมซึ่งมีขีดบอกองศาอย่างละเอียด รวมทั้งสัญลักษณ์แสดงตำแหน่งมุมสัมพันธ์แบบต่าง ๆ เพื่อใช้วัดหาระยะเชิงมุมของดาวหรือปัจจัยอื่น ๆ ทางโหราศาสตร์
 
 
รูปแบบของจานหมุนหรือแผนภาพดวงชะตานั้นแตกต่างจากที่ใช้กันมาแต่เดิมมากจนนักโหราศาสตร์อื่น ๆ จะงงงวยในช่วงแรก ๆ (เพราะต้องเข้าใจว่ามันไม่เคยมีมาก่อน) แต่ที่แท้แล้วเป็นแผนภาพที่ให้ความสำคัญต่อความสามารถในการหาระยะเชิงมุมเป็นพิเศษนั่นเอง โดยยังคงรักษาแบบแผนดั้งเดิมไว้อย่างมาก เช่น ราศี, เรือนชะตา, ธาตุ เป็นต้น
 
จานหมุน 360 องศา เป็นรูปแบบของการนำเสนอเชิงภาพอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโหราศาสตร์ยูเรเนียน (Uranian Astrology) และได้พัฒนาขึ้นเป็นจานหมุน 90 องศา(1) ซึ่งสำหรับการหมุนหาข้อมูลด้วยมือนั้นได้ทำให้เกิดสะดวกรวดเร็วขึ้นอย่างมาก (และยิ่งสร้างความงงหนักสำหรับนักโหราศาสตร์อื่น ๆ)
 
จานหมุนอื่น ๆ ได้เกิดขึ้นตามมาจากแนวคิดของจานหมุน 90 องศา เช่น จานหมุน 45 องศา, 22:30 องศา, 60 องศา, 30 องศา, 15 องศา, 3:45 องศา เป็นต้น โดยรูปแบบของจานหมุนนั้นมีการใส่รายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปเพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตนขึ้นอย่างมากของแต่ละผู้พัฒนาดัดแปลง
 
และการประดิษฐ์จานหมุน 90 องศาโดยการปรับมุมมองของราศีจักร (Zodiac) ใหม่นี้ก็ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการค้นคว้าวิจัยในเรื่องของฮาร์โมนิกส์ (Harmonics) ต่าง ๆ ตามมา
 
ในทางปฏิบัติในยุคใหม่นี้ สามารถได้ข้อมูลจากการคำนวณให้โดยโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็วที่สุด โดยมิได้มีการหมุนจานจริง ๆ หรือมากเหมือนแต่ก่อน เพราะการหมุนจานก็คือการคำนวณในมุมมองของภาพเรขาคณิต (Geometry) นั่นเอง ซึ่งเหมาะสำหรับการรับรู้ผ่านทางสายตาของคน โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์สามารถคำนวณหาออกมาโดยตรงได้เช่นกันและรวดเร็วกว่ามาก แต่จะขาดมุมมองในเชิงภาพไป (ที่จริงแล้วก็ไม่ขาด แต่โปรแกรมทำได้เร็วมากจนตาคนเรามองไม่ทันหากแสดงภาพออกมาจริง ๆ ในระหว่างที่คำนวณไปด้วย)
 
2) ดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures)
 
"วิตเตอ (Witte) ได้บอกเราว่า ดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) นั้นประกอบไปด้วยดาว 3 ดวงหรือมากกว่านั้น หนึ่งในรูปแบบต่าง ๆ นั้นก็คือจุดกึ่งกลาง (Mid-point) ระหว่างดาว 2 ดวง"
 
"...เราสามารถกล่าวได้ว่า ดาวทั้งหลายหรือปัจจัยใด ๆ หากจัดเข้ากลุ่มกันแล้วมีความสมมาตร (Symmetry) เกิดขึ้นรอบแกนเดียวกันอันหนึ่ง นั่นคือ ดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) มันไม่สำคัญที่จะต้องพบว่าที่แกนกลางของดาวเข้ารูปหนึ่ง ๆ นั้นจะมีดาวหรือปัจจัยใดปรากฏอยู่หรือไม่"
 
มุมสัมพันธ์จะอยู่บนเส้นแกนของมุมกุม (0 องศา),  มุมฉาก (90 องศา), มุม 45 องศา, มุม 135 องศา
 
3) การใช้สมการ
 
"อัลเฟรด วิตเตอ (Alfred Witte) ได้สอนเราถึงการแสดงดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) ในรูปแบบของสมการต่อไปนี้
 
a+b = c+d
 
โดยการสลับตัวแปรที่ใช้ในสมการนี้ เราจะได้ศูนย์รังสี (Half-sums หรือ Mid-points), ผลต่าง (Differences) และ จุดอิทธิพล (Sensitive Points) เมื่อใดที่สมการนี้ถูกใช้ จะต้องให้แน่ใจว่า ผลรวมทางด้านซ้ายมือเท่ากับทางด้านขวามือ สมการนี้ถูกแสดงโดยใช้ตัวเลขซึ่งเป็นตำแหน่งองศาทางลองกิจูดของส่วนโค้งซึ่งวัดตามแนวระวิมรรค หรือ สุริยวิถี (Ecliptic)"
 
ศูนย์รังสี (Half-sums)
 
วิธีที่ง่ายในการแสดงสมการของศูนย์รังสี (Half-sum) นั้นคือการเขียนแบบ A/B = C
 
"วิตเตอกล่าวว่า "พลังของสองดาวแสดงออกร่วมกันในแกนที่มันสมมาตรกันนั้น: พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่านั่นเป็น ศูนย์รังสี (Half-sum) ของมัน สำหรับศูนย์รังสีของดาวสองดวงซึ่งพิจารณาอยู่นั้น ย่อมมีแกนของการสมมาตรหรือระนาบของการสะท้อน อันเป็นที่ซึ่งดาวทั้งหลายจะสร้างภาพฉายขึ้น"
 
ผลต่าง (Differences)
 
เขียนได้ในแบบ a-b = c-d
 
จุดอิทธิพล (Sensitive Points)
 
สมการของจุดอิทธิพล สามารถเขียนได้ดังนี้
 
a+b-c = d
 
"ได้มีการพูดว่า GUIDO BONATI (2) นักโหราศาสตร์ชาวอิตาเลียนในยุคกลาง (Middle Ages) ได้เคยทำงานโดยใช้ ดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามีข้อพิสูจน์ของความจริงนี้อยู่เลย ถ้าหากว่าในภายหน้าเป็นที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นเช่นนั้นจริง สำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School) ก็จะยินดีอย่างยิ่งที่จะให้เครดิตแก่ BONATI สำหรับการค้นพบของวิถีทางอันสุดชาญฉลาดในการพิจารณาดวงชะตา อย่างไรก็ตามในเมื่อยังไม่มีข้อพิสูจน์ให้เห็นแต่อย่างใด ดังนั้นสำหรับในปัจจุบันนี้เครดิตก็จะต้องตกเป็นของอัลเฟรด วิตเตอ (Alfred Witte)
 
การสะท้อนรอบแกน (Antiscion) เป็นที่รู้จักกันในหมู่สำนักโหราศาสตร์ดั้งเดิมว่าเป็นจุดสะท้อนต่าง ๆ บนแกนหนึ่งเท่านั้น (กรกฎ/มังกร) วิตเตอได้เห็นว่ารอบ ๆ ทุกแกนนั้นยังจุดที่เกิดจากการสะท้อนนี้อยู่ พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่าเขาได้รับรองขึ้นว่าทุก ๆ องศาของราศีจักร (Zodiac) สามารถใช้เป็นศูนย์กลางของแกนหนึ่ง ๆ ได้ นั่นคือการสะท้อนรอบแกน (Antiscion) หรือจุดที่เกิดจากการสะท้อนต่างๆ ถูกใช้ในการแปลความหมายเกิดขึ้นจากเมื่อสำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School) ได้ถ่ายแปลงมาจากโหราศาสตร์ดั้งเดิม สำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์กได้พิจารณาว่าทุก ๆ ดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) ซึ่งจัดกลุ่มกันรอบแกนหนึ่ง ๆ จะต้องถูกแปลความหมายอย่างเป็นอิสระต่อกัน และจากนั้นจึงสังเคราะห์รวมกันเข้าทั้งหมดอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยเฉลี่ยแล้ว จะมีดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) ประมาณ 15 ถึง 20 แบบในแกนหนึ่ง ๆ
 
จุดอิทธิพลนั้นสำหรับวิตเตอแล้วก็คือจุดที่เกิดจากการสะท้อนซึ่งมิได้ปรากฏว่ามีดาวหรือปัจจัยอื่นใดอยู่ตรงนั้นในแผนภาพดวงกำเนิด (Radical Chart) เขาได้ชี้ให้เห็นว่าดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) จะส่งผลลัพธ์ออกมาเมื่อจุดอิทธิพลถูกทำให้ทำงานขึ้นโดยปัจจัยจรตามวัย (Progressed Directed) หรือจรปัจจุบัน (Transit) ซึ่งเคลื่อนมาบนจุดอิทธิพลที่สนใจนั้น และนั่นเองจึงเป็นการทำให้สมการเกิดความสมบูรณ์ขึ้น
 
ถ้าเราทำงานกับสมการจนเราได้ปัจจัยหนึ่งเพียงปัจจัยเดียวอยู่ในด้านหนึ่งของสมการแล้ว เราจะสามารถแปลความหมายของสมการได้ง่ายหรือดีขึ้น
 
ตัวอย่างเช่น สมการเริ่มต้นคือ
 
อังคาร + พฤหัส = ศุกร์ + คิวปิโด
 
การแปลความหมาย: ปฏิบัติการที่สำเร็จของชุมชนที่สอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว
 
การปรับแปลงสมการแบบแรก โปรดสังเกตถึงการเปลี่ยนของเครื่องหมายจากบวกเป็นลบเพราะพฤหัสนั้นมีการเปลี่ยนข้าง
 
อังคาร = ศุกร์ + คิวปิโด - พฤหัส
 
การแปลความหมาย: ปฏิบัติการต่าง ๆ ของชุมชนซึ่งประสบความสำเร็จและสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว
 
การปรับแปลงสมการแบบที่สอง
 
ศุกร์ = อังคาร + พฤหัส - คิวปิโด
 
การแปลความหมาย: การสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียวอันเกิดขึ้นได้จากชุมชนที่ประสบความสำเร็จ
 
การปรับแปลงสมการแบบที่สาม
 
พฤหัส = ศุกร์ + คิวปิโด - อังคาร
 
การแปลความหมาย: ความสำเร็จซึ่งบรรลุได้ผ่านทางชุมชนซึ่งปฏิบัติการอย่างสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว
 
การปรับแปลงสมการแบบที่สี่
 
คิวปิโด = อังคาร + พฤหัส - ศุกร์
 
การแปลความหมาย: ชุมชมนซึ่งกำลังปฏิบัติการด้วยความสำเร็จและสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว
 
ด้วยวิถีทางเช่นนี้จึงเป็นไปได้ที่จะถอดความหมายทั้งหมดจากจุดอิทธิพลทั้งปวงที่ส่งอิทธิพลต่อแกนหนึ่ง ๆ ชนิดของงานแบบนี้แน่นอนว่าสามารถจะทำได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดก็โดยการใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อคอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้เราจะสามารถไม่เพียงแต่จะได้ศูนย์รังสีต่าง ๆ ออกมาเท่านั้นแต่จะได้จุดอิทธิพลต่าง ๆ ออกมาด้วย"
 
4) ดาวทิพย์ (Transneptunians)
 
"ในระหว่างงานวิจัยของเขา วิตเตอได้ค้นพบว่า มีอิทธิพลที่แน่นอนบางอย่างที่แสดงออกมาจากจุดที่แน่ชัดหลายแห่งในแผนภาพดวงชะตาโดยไม่พบว่ามีดาวเคราะห์ใด ๆ อยู่บริเวณนั้น เขาได้สังเกตด้วยว่าจุดที่ส่งผลบางอย่างเหล่านั้นเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ไปในราศีจักร (Zodiac) และดังนั้นพวกมันจึงมีวงโคจรคล้ายหรือเหมือนกับดาวเคราะห์ต่าง ๆ"
 
"เขาได้คำนวณวงโคจรต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งแสดงถึงการหมุนรอบดวงอาทิตย์และระยะห่างจากดวงอาทิตย์ของจุดเหล่านี้ เขาได้ให้ชื่อแก่พวกมันแต่ละตัวและอธิบาย "ธรรมชาติ" ของพวกมันขึ้น"
 
"จนกระทั่งบัดนี้ นักดาราศาสตร์มิได้ยืนยันถึงการค้นพบต่าง ๆ ของวิตเตอ มันอาจจะเป็นอย่างนี้ว่า ที่จริงนั้นมิได้มีสิ่งซึ่งเป็นวัตถุที่จับต้องได้หรือดาวเคราะห์ที่มองเห็นได้อยู่ที่นั่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของจุดที่ส่งผลบางอย่างเหล่านั้นได้ถูกตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่าโดยนักโหราศาสตร์ทั้งหลายของสำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School) ในระหว่าง 50 ปีที่ผ่านมา ใครซึ่งยังคงเห็นด้วยต่อหลักคำสอนที่ว่า "ฉันเชื่อเฉพาะในอะไรที่ฉันเห็น" จะปฏิเสธอย่างชัดแจ้งต่อการค้นพบของวิตเตอ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่สามารถที่จะมาแปรเปลี่ยนผลแห่งประสบการณ์ของเหล่าผู้ซึ่งรับเอามันไปใช้อย่างได้ผล พวกคนผู้ที่ปฏิเสธต่อการค้นพบเหล่านั้นจะต้องเห็นด้วยว่าปัญญาและแนวความคิดต่าง ๆ นั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้หากแต่ก็มีพลังขับเคลื่อนให้เกิดทุกสิ่งบรรดามีที่มนุษย์เราได้สร้างขึ้นแล้ว ไม่มีบ้านเรือนใดที่จะสามารถถูกสร้างขึ้นได้โดยปราศจากแรงจูงใจของสถาปนิก ไม่มีชิ้นส่วนใด ๆ ของเครื่องจักรซึ่งมิได้เป็นผลลัพธ์ที่มาจากปัญญาของนักออกแบบและวิศวกร ในโหราศาสตร์นั้น เราทำงานกับปัจจัยที่มองไม่เห็นหลายอย่าง กล่าวคือ ลัคนา (Ascendant), เมอริเดียน (MC) และราหู (Moon's Node) ก็ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถเห็นได้ต่อสายตา และนักโหราศาสตร์ต่าง ๆ ก็รับเอามันไปใช้อย่างได้ผล ก็แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะกับดาวทิพย์ (Hypothetical Planets) ซึ่งถูกค้นพบโดยวิตเตอ ในกรณีนี้เราจะต้องรับฟังต่อถ้อยแถลงของประสบการณ์ในทางปฏิบัติซึ่งมีข้อพิสูจน์มากมายว่าจุดที่ส่งผลได้เหล่านี้นั้นมีอยู่จริง"
 
"ต่อไปนี้เป็นรายการของดาวทิพย์ (Transneptunians) (โดยที่ R คือช่วงเวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ มีหน่วยเป็นปี และ D คือระยะห่างจากดวงอาทิตย์ มีหน่วยเป็นล้านกิโลเมตร)
 
1) คิวปิโด (Cupido) R 262.5 D 6129
มีนัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงความหมายเกี่ยวกับ: ครอบครัว, ความเป็นครอบครัว, สมาคม, ศิลปะ, ความพยายามร่วมกัน, ความเป็นทั้งหมดทั้งปวง (นัยตรงข้ามกับ เฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใด)
 
2) ฮาเดส (Hades) R 360.66 D 7594.7
มีนัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงความหมายเกี่ยวกับ: ความโดดเดี่ยว, ความขาดแคลน, ความสกปรก, ความยากจน, ความไม่เห็นด้วยหรือไม่ลงรอยกัน, ขยะ, ของเสีย ของเหลือทิ้ง, ความผิดปกติ และ สภาพหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทำให้โกรธหรือรำคาญ
 
3) เซอุส (Zeus) R 455.6 D 8851.9
มีนัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงความหมายเกี่ยวกับ: ความเป็นผู้นำ, ความสามารถในสืบพันธุ์หรือให้กำเนิด, การทำงานอย่างมีเป้าหมาย, กิจกรรมหรือปฏิบัติที่ผ่านการวางแผนอย่างรอบคอบ, กฎเกณฑ์ต่าง ๆ, ไฟที่ถูกควบคุม, พลังงานที่ถูกควบคุม (เพื่อนำมาใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่ง), การบรรลุความสำเร็จต่าง ๆ
 
4) โครโนส (Kronos) R 521.8 D 9687
มีนัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงความหมายเกี่ยวกับ: ความเป็นอิสระหรือมีเอกราช, ความมีอำนาจเหนือกว่า, รัฐหรือชาติ, ผู้นำ, คนชั้นสูง, หัวหน้าของครอบครัว, ผู้จัดการ, ผู้อำนวยการ, ผู้เป็นใหญ่, ทุกสิ่งทุกอย่างที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ย
 
ดาวทิพย์ 4 ดวงถัดไปนี้ถูกค้นพบโดยศิษย์ของวิตเตอ ซึ่งมีชื่อว่าเฟรดเดอริกช์ ซิกกรึน (Friederich Siegrun) โชคไม่ดีเลยที่ซิกกรึนมิได้ให้ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ไว้  
5) อาพอลลอน (Apollon) R 576
มีนัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงความหมายเกี่ยวกับ: ความรุ่งโรจน์, ความสำเร็จ, การแผ่ขยายออก, วิทยาศาสตร์ วิทยาการ, ประสบการณ์, กว้างและไกล, สันติสุข, พาณิชย์ และการค้า  
6) แอดเมตอส (Admetos) R624
มีนัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงความหมายเกี่ยวกับ: เครื่องกีดขวางอันยิ่งใหญ่, การพลัดพราก, ความตาย, การหยุดชั่วคราว, การควบแน่น, สิ่งซึ่งเป็นของขั้นต้นหรือเริ่มแรก, วัตถุดิบ, การเริ่มต้นครั้งแรก, การหมุนอยู่กับที่, การหมุนเวียนกลับมาที่เดิมใหม่, กำหนดหมายของเวลา
 
7) วัลคานุส (Vulcanus) R 663
มีนัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงความหมายเกี่ยวกับ: ความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่, พลัง อำนาจ, พลังงาน, แรงขั้นสูงสุด
 
8) โพไซดอน (Poseidon) R740
มีนัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงความหมายเกี่ยวกับ: จิตวิญญาณ วิญญาณ, แนวความคิด, การรับรู้ได้, การรู้แจ้งเห็นจริง"
 
5) ระบบเรือนชะตาของวิตเตอ (Witte's House System)
 
"กฎของการมีขั้วตรงข้าม (Polarity) คือหนึ่งในกฎธรรมชาติที่สำคัญที่สุด เราทราบกันแทบจะทันทีว่า หากมีการเคลื่อนไหว จากนั้นก็ต้องมีการหยุดนิ่ง และดังนั้นการพัฒนาจึงเกิดขึ้น วิตเตอได้พบเข้ากับความมีพลวัตของดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) พร้อมวิธีการสำรวจตรวจสอบด้วยเรือนชะตาที่เชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น วิตเตอมิได้เพิกเฉยต่อระบบเรือนชะตาเหมือนกับที่นักโหราศาสตร์ยุคใหม่จำนวนมากเป็น แต่วิตเตอได้ขยายให้มากยิ่งขึ้นในการศึกษาดวงชะตากำเนิด (Natal Chart) ด้วยการพยายามดึงเอาข้อมูลออกมาให้ได้มากขึ้นที่สุดด้วยการเพิ่งพินิจในมุมมองที่แตกต่างออกไป"
 
"...จุดสำคัญก็คือ
 
1) สำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School) ใช้ระบบเรือนชะตาแบบที่แต่ละเรือนมีขนาดเท่ากันหมด
2) ความหมายโดยนัยสำคัญของแต่ละเรือนเหล่านั้นเหมือนกันกับที่ได้มีการให้ไว้ในโหราศาสตร์ดั้งเดิม (Classical Astrology)
3) เราใช้จุดตั้งมองสามแบบที่แตกต่างกันในจานหมุน 360 องศา เพื่อที่จะพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ทั้งหมดในดวงชะตาหนึ่ง ๆ และความหมายซึ่งมีนัยสำคัญของปัจจัยเหล่านั้นในแต่ละเรือน
4) เหตุผลสำหรับการใช้จุดตั้งมองที่แตกต่างกันสามแบบในจานหมุนนั้น เป็นไปตามหลักการสำคัญซึ่งสร้างขึ้นจากการเคลื่อนที่ของโลก กล่าวคือ การหมุนรอบแกนตัวเอง และการโคจรรอบดวงอาทิตย์
5) เรือนแรกนั้นจะเริ่มที่จุดตุล 0 องศา โดยมิใช่เป็นจุดเมษ 0 องศา"
1) แผนภาพเรือนชะตาโลก (Earth Chart)
 
แสดงถึงสัมพันธภาพของเจ้าชะตาต่อสาธารณชนโดยทั่วไปหรือความเป็นสาธารณะ
นี่เป็นกรรมวิธีที่สำคัญอย่างหนึ่งของสำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School) คือการใช้จุดแกนโลก (Cardinal Points)
 
2) แผนภาพเรือนชะตาเมอริเดียน (Meridian Chart)
 
แสดงถึงข้อมูลเชิงจิตวิทยาเกี่ยวกับเจ้าชะตาและความเป็นตัวตนเฉพาะหรือในฐานะปัจเจกชนคนหนึ่ง
 
3) แผนภาพเรือนชะตาจันทร์ (Moon Chart)
 
แสดงถึงสัมพันธภาพของเจ้าชะตากับบุคคลเพศหญิง แสดงให้เห็นอารมณ์หรืออุปนิสัยซึ่งมาจากจิตใจและความรู้สึก
 
4) แผนภาพเรือนชะตาลัคนา (Ascendant Chart)
 
แสดงถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ห้อมล้อมเจ้าชะตาอยู่และสภาพแวดล้อม
 
5) แผนภาพเรือนชะตาราหู (Moon's Node Chart)
 
แสดงถึงสัมพันธภาพพิเศษ การติดต่อหรือเชื่อมโยงต่าง ๆ
 
6) แผนภาพเรือนชะตาอาทิตย์ (Sun Chart)
 
แสดงถึงสภาพหรือเงื่อนไขทางกายภาพของเจ้าชะตา
 
การพิสูจน์ในระดับที่จะใช้เป็นหลักฐานได้โดยใช้ผลจากการศึกษาดวงชะตา
 
"เรายอมให้ใช้ระยะวังกะบวกและลบ 1 องศา: เมื่อเรากำลังรับมือกับการสำรวจตรวจสอบในเรื่องที่เป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งการที่เราจะใช้แกน 22:30 องศา ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของการทำมุม 45 องศาด้วย"
 
การสำรวจตรวจสอบลักษณะเฉพาะของเจ้าชะตาและเหตุการณ์ต่าง ๆ
 
"ความสำเร็จของการสำรวจตรวจสอบทางโหราศาสตร์นั้น หลักสำคัญอย่างยิ่งอยู่ที่การตัดสิน (Judgement) ที่ถูกต้อง และการเลือก (Selection) สูตรอย่างถูกต้อง
 
ด้วยว่าสำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School) หรือโหราศาสตร์ยูเรเนียน (Uranian Astrology) ใช้ชุดของสูตรซึ่งมีความครอบคลุมกว้างขวาง จึงจำเป็นที่จะต้องเพ่งความสนใจพิเศษให้กับความเข้าใจและการเลือกสูตรทั้งหมดนั้น
 
ในงานทางโหราศาสตร์นั้น เราได้แบ่งออกเป็นสองลักษณะที่แตกต่างกัน คือ
 
A) การศึกษาลักษณะเฉพาะหรือตัวตนของเจ้าชะตา (Character)
B) การสำรวจตรวจสอบในเหตุการณ์ต่าง ๆ (Events)
ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
 
A) ลักษณะเฉพาะหรือตัวตนของเจ้าชะตา (Character)
 
การศึกษาลักษณะเฉพาะของเจ้าชะตาในฐานะปัจเจกชนคนหนึ่งนั้น ใช้หลักการพื้นฐานอยู่บนการสำรวจตรวจสอบแผนภาพดวงชะตาหลักทั้ง 6 แบบอย่างมีระบบ นั่นคือ
 
(1) แผนภาพเรือนชะตาอาทิตย์ (Sun-Horoscope)
(2) แผนภาพเรือนชะตาจันทร์ (Moon-Horoscope)
(3) แผนภาพเรือนชะตาเมอริเดียน (Meridian-Horoscope)
(4) แผนภาพเรือนชะตาลัคนา (Ascendant-Horoscope)
(5) แผนภาพเรือนชะตาโลก (Earth-Horoscope, Cancer)
(6) แผนภาพเรือนชะตาราหู (Moon's Node-Horoscope)
สิ่งเหล่านี้เป็นข้อพิจารณาหลักเมื่อจะทำการตัดสินเกี่ยวกับดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) โดยเราจะใช้ความช่วยเหลือจาก คัมภีร์พระเคราะห์สนธิ (Book of Rules for Planetary Pictures) และ Astro-Psychological Characteristics
 
การสำรวจด้วยกรรมวิธีของดาวเข้ารูป หรือ พระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) จะให้ศูนย์รังสี (Half-sums หรือ Mid-points) ประมาณ 80 ถึง 100 ชุด"
 
"ศูนย์รังสีจะถูกตรวจสอบด้วยการคำนวณ ยอมให้ใช้ระยะวังกะ +/- 2 องศา สำหรับการศึกษาลักษณะเฉพาะหรือตัวตนของเจ้าชะตา (Character)"
 
"สำหรับเหล่าคนผู้ซึ่งมีความสามารถในการมองเห็นตัวเองอย่างที่พวกเขาเป็นจริง ๆ การวิเคราะห์ทางโหราศาสตร์สามารถนำไปให้ความช่วยเหลือได้อย่างพึงที่จะพิจารณาอย่างยิ่ง โดยจะสามารถทำให้เจ้าชะตาเคลื่อนเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นกับเป้าหมายแห่งการตระหนักชัดในตนเองหรือการรู้จักตนเองอย่างแท้จริง (Self Realization)"
 
A) การสำรวจตรวจสอบเหตุการณ์ต่าง ๆ (Events) 
 
"เหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์และสัมพันธภาพของเจ้าชะตากับคนอื่น ๆ สามารถหาพบได้ท่ามกลางสูตรของระบบของสำนักโหราศาสตร์ฮัมบูร์ก (Hamburg School) ในกรณีของการสำรวจตรวจสอบเหตุการณ์หนึ่ง ๆ เราจะให้ความใส่ใจต่อการเลือกสูตรซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์นั้น สำหรับความช่วยเหลือนั้น เราสามารถใช้ พจนานุกรมพระเคราะห์สนธิ ("Dictionary of Planetary Pictures")  ซึ่งจะเรียงตามลำดับตัวอักษรของรายการเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ให้เราแล้ว
 
ตัวอย่างเช่น
 
เดินทาง                                                      = พุธ/เสาร์
เดินทางอย่างมีความสุข                             = พุธ + เสาร์ - พฤหัส
เดินทางรอบโลก                                         = พุธ + เสาร์ - เมษ
ปฏิบัติการอย่างหนึ่ง                                    = อังคาร/มฤตยู
ปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จอย่างหนึ่ง   = อังคาร + มฤตยู = พุธ + พฤหัส
แต่งงาน                                                      = อาทิตย์ + คิวปิโด - อังคาร
ความสำเร็จทางการเงิน                              = พฤหัส + วัลคานุส - อาพอลลอน"
 
 
ลิงค์เพื่ออ่านเพิ่มเติมสำหรับคำอธิบายที่เสริมกัน:
 
 
 
 
 
 

 
(1) อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากลิงค์นี้ -> โหราศาสตร์ยูเรเนียน: คิดถึง Ludwig Rudolph ตอน 1 กำเนิดจานหมุน 90 องศา
 
(2) มีกล่าวถึงเรื่องราวของ GUIDO BONATI (บ้างก็เขียนว่า GUIDO BONATTI และ GUIDO BONATUS หมายถึงคนเดียวกัน) เช่นนั้นในแหล่งดังต่อไปนี้ (ซึ่งอาจจะเป็นการอ้างกลับไปกลับมาในระหว่างกันเองหรือจากแหล่งข้อมูลซ้ำกันเอง เพราะหนึ่งในผู้ที่อ้างเช่นนั้นคือ Reinhold Ebertin ซึ่งมีความขัดแย้งในทำนองว่าคัดลอกหรือใช้ความรู้โดยพัฒนาต่อจาก Alfred Witte อย่างเห็นได้ชัดแจ้งแต่ไม่อ้างอิงโดยให้เครดิตเท่าที่ควร)
  • Reinhold Ebertin, The Combination of Stellar Influences, First Printing 1940, Current Printing 2004, หน้า 22.
  • Reinhold Ebertin, Man in the Universe, 1973, หน้า 40.
  • David Ovason, The History of the Horoscope, 2005. หน้า 220.
Comments