จาก ดวงซึ่งคาดเดาขึ้นสำหรับทดลองหาดวงพระพุทธเจ้า ซึ่งผมแอบซ่อนไว้ท้ายเรื่องในข้อเขียนนี้ -> พุทธศักราช พ.ศ. ของไทยที่ไม่เหมือนใครในหล้า เพราะเชื่อแตกต่าง หรือผิดพลาด?
ผม... (หมายถึงว่า ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว) ได้เริ่มทดลองเดาแบบมีหลักการไว้ถึงเวลาประสูติเป็น 13:31 น.
...ท่ามกลางต้นสาละที่ออกดอกสวยงาม หมู่นกนานาชนิด แมลงผึ้งง่วนกับหมู่ดอกไม้ในอุทยาน... ขณะนั้นเป็นวันเพ็ญ เดือนพฤษภาคม... (อ้างอิง พุทธประวัติ โดย พุทธทาสภิกขุ-...)
ขอยกภาพดวงมาแสดงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อประกอบความคิดเห็นที่ผมจะแสดงต่อไป... เวลา 13:31 น. นั้นหมายเอาจากความหมายของดวงกำเนิด (ของดใช้คำราชาศัพท์ อย่างเช่น ดวงพระชะตากำเนิด เป็นต้น) เป็นสำคัญ แต่แรกนั้น ผมคิดว่าจะไม่บรรยาย มาเช้าตรู่วันนี้ (17 ส.ค. 2552) เกิดพลันมาคิดใหม่อย่างใจกล้า...ว่า สมควรที่จะแสดงแนวคิดไว้ด้วยมุ่งหมายว่าจะไม่เปิดทางให้ตนเองแก้ตัวในภายหลังได้ถึงความเห็นที่ได้แสดงเป็นลายลักษณ์อักษรออกไปแล้ว...เมื่อมีผู้คิดเห็นอย่างไรกระทบเข้ามา! ขอบรรยายภาพข้างต้นดังนี้ MC ฉาก AS แสดงถึงการเกิดใกล้เส้นศูนย์สูตร และมีสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมหรือผู้ใกล้ชิดสูง ร่วมกับผู้อื่นเพื่อเป้าหมายร่วมกัน มีสัมพันธภาพทางสังคมและการงานโดยเกี่ยวข้องกับผู้อื่น KR = AD เป็นบุคคลพิเศษ มีความเป็นอยู่ที่พิเศษ (รวมอยู่ในที่แคบอย่างยิ่ง คืออยู่แต่ในวัง ปราสาท 3 ฤดู) และการที่ทรงสละราชสมบัติ (AD ลงจากที่สูง KR) ผม...ไม่แน่ใจว่าที่เขียนมานั้นครอบคลุมความหมายของดาวชุดนี้หมดหรือยัง เพราะเป็นดาวที่มีมุมสัมพันธ์กันอย่างแน่นหนาในทุกมุมมอง KR = AP ความยิ่งใหญ่และสูงส่ง มีความรู้ความสามารถอันยิ่งใหญ่ ขอยกเอาชุด KR = AP = JU ออกมาเน้นอีกว่าแสดงถึงความสามารถรอบรู้ในศิลปะวิทยาการทั้งปวง เป็นผู้นำทางวิชาการ ภาพถัดไป ตั้งแกนที่ SU กำเนิด ภาพนี้เป็นข้อมูลที่สนับสนุนวันเกิดอย่างมาก กล่าวคือ SU ทับ PO ทับ PL แสดงถึงเจ้าชะตาซึ่งเป็นชาย (SU) ผู้มีปัญญาเป็นเลิศ เจริญในทางจิตวิญญาณ (PL ทับ PO) เป็นผู้พัฒนาแนวทางปัญญาอย่างใหม่หรือศาสนาหรือเปลี่ยนแปลงปรัชญาชีวิต (PL ทับ PO แรงพอ ๆ กับ UR ทับ ME โดยที่ PL.PO มีนัยว่า ปัญญาที่ระเบิดเปรี้ยงปร้าง (Plutonium) ส่วน UR.ME มีนัยว่า ความคิดแล่นปูดปาด หัวไว) SU ทับ PL ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดีมาก SU เล็ง MO แสดงถึงสัมพันธภาพของเจ้าชะตาที่มีอย่างมากต่อประชาชน และสตรี (ในวัยหนุ่ม ห้อมล้อมไปด้วยหญิงงามมากมาย เมื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ได้เผยแพร่ธรรมอย่างกว้างขวางแก่ประชาชน มิใช่ตรัสรู้แล้วอยู่แต่ผู้เดียวอย่างพระปัจเจกพุทธเจ้า) PO = MO อิทธิพลของปัญญาหรือจิตวิญญาณต่อจิตใจ ให้ความสำคัญหรือใส่ใจต่อเรื่องทางจิตวิญญาหรือปัญญาอันละเอียดอ่อน PO = BA มีโชคลาภหรือความสำเร็จทางปัญญาหรือจิตวิญญาณ PO = HA ปัญญาหรือจิตวิญญาณซึ่งสั่งสมแต่จากชาติก่อนหรืออดีตกาล รวมทั้งการที่ต่อมาเจ้าชะตาได้แยกตนออกจากศาสนาเดิม (ซึ่งไม่ใช่ความรู้แจ้ง แต่เป็นความพิกลพิการทางจิตวิญญาณหรือปัญญา) PO = CE ขอยกคำแปลจากคัมภีร์มาเลยโดยไม่แต่งแต้มใหม่เลยแล้วกันว่า... ความต้องการฝึกอบรมจิตหรือปฏิบัติสมาธิหรือปลีกวิเวก หลีกเร้น เข้าเงียบเป็นระยะ ๆ, การถอนตัวออกจากสิ่งต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูสมรรถนะทางจิตใจหรือจิตวิญญาณ, ตารางเวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นตามอุดมคติ, ความเป็นร่างทรงทางจิต, ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ปรากฏการณ์ทางจิต พลังงานของจิตวิญญาณ ที่แสดงผลเชิงประจักษ์ทางกายภาพอย่างจับต้องได้
PL = BA พลังหรืออำนาจที่สามารถยิ่ง อันถูกปล่อยออกมาเพื่อการหลีกลี้จากสถานการณ์อันยุ่งเหยิง PL = MO ทำให้เกิดสภาวะการที่ไม่มั่นคงและการเปลี่ยนแปลงของสาธารณชนหรือสร้างความเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง (ทุกเมื่อเชื่อยาม) มีพัฒนาการของมันสมองและของต่อมต่าง ๆ และความรู้ความเข้าใจดี PL = HA การเปลี่ยนแปลงอดีต พัฒนาอดีตหรือความเสื่อมให้ดีขึ้น PL = CE ใส่ใจกับรายละเอียดที่อยู่หลังความร่วมมือ (แสดงถึงการบัญญัติสิกขาบทจำนวนมากสำหรับการอยู่ร่วมกันของหมู่สงฆ์), ใส่ใจในผู้สูงวัยหรือผู้ทุพพลภาพ (คือ ชาติ ชรา มรณะ คนป่วย คนแก่ คนตาย อันเป็นเทวทูตทำเหตุให้พระองค์เห็นแล้วเกิดสลดสังเวชใจ จึงออกบวช), การเปลี่ยนแปลงของสภาพชีวิตความเป็นอยู่หรือการกินอยู่หลับนอนหรือที่อยู่อาศัย (ออกบวช ไม่เสวยสุขอยู่อย่างเดิม ตลอดช่วงพระชนม์ชีพจะเสียสละตนดุจแม่ดูแลลูก โปรดสัตว์โลกไม่จำกัดสถานที่และกำหนดการอันมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งเสมอ ๆ ในการรับนิมนต์ต่าง ๆ) ความหมายที่แสดงไปข้างต้น ได้ผสมผสมดาวทั้งหมดเข้าด้วยกันในที มิได้แปลอย่างเป็นทีละคู่ ๆ อย่างเอกเทศ เพราะจะทำให้เสียความหมายของดาวอื่นที่ร่วมอิทธิพลอยู่ด้วย แต่จะแปลรวบทั้งหมดเลย ก็จะเข้าใจยากในการสื่อความโดยการเขียนนี้ (คือมันต้องอ่านจากซ้ายไปขวา จะเขียนกระจุกรวมกันแบบที่ดาวมันถึงกันนั้นให้เข้าใจทีเดียวไม่ได้ ต้องพยายามลำดับความไป ใส่ความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เห็นความเชื่อมโยงกลับไปกลับมาเป็นระยะ ๆ) มาดูจุดสุดท้ายคือ จุดองคลาภ (Part หรือ Lot of Fortune) ซึ่งจากโบราณมา รวมถึงนักโหราศาสตร์สากลกระแสหลัก เช่น Robert Hand, Dane Rudhya เป็นต้น มีการตีความที่แตกต่างจากโหราศาสตร์ยูเนียน คือสรุปได้ว่า มองว่าเอาผลลบของสองดาวเป็นพลังที่ใส่ให้แก่ปัจจัยแรก หากเขียนแบบสัญลักษณ์สมการจะได้ว่า เอา B-C ไปใส่ A ได้ A+B-C ในกรณีของจุดองคลาภ (กลางวัน) คือ AS+SU-MO มีนัยว่า เอาอิทธิพลของ (ตำแหน่ง) อาทิตย์ (SU) กับจันทร์ (MO) ที่มีต่อเจ้าชะตาหรือลัคนา (AS) ไปตกที่ใด ดาวที่ถูกตกทับ (หรือเล็ง, ฉาก และมุมสัมพันธ์อื่น ๆ) นั้นก็จะเป็นเครื่องชี้ถึงอนาคตหรือวาสนาอันสำคัญ ว่าชีวิตจะรุ่งโรจน์เพียงใด (อ่านข้อเขียนของท่านอื่นประกอบตามลิงค์นี้ -> บันทึกกันลืม#3: Part of Fortune [องคลาภ]) เมื่อระยะเชิงมุมระหว่าง SU กับ MO คือฤกษ์พระจันทร์ (Moon Phase) นี่จึงสอดคล้องกันกับแนวคิดของโหราศาสตร์ดั้งเดิม (Traditional, Classic Astrology) บางสายที่ให้ความสำคัญต่อฤกษ์พระจันทร์ของดวงกำเนิดมาก (ซึ่งที่จริงแล้วต้องเทียบกับจุดเมษ กล่าวคือแสดงเป็นอิทธิพลร่วมแบบกว้าง ๆ เพราะทุกคนมีจุดเมษหรือโลกร่วมกัน)
จุดองคลาภ (Part หรือ Lot of Fortune) นั้นที่จริงก็แปลว่า องค์ประกอบของโชคลาภ อ่านแล้วจะโน้มใจให้คิดว่าจะให้โชคลาภแต่ถ่ายเดียว แต่หาใช่เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะถ้าจุดนี้ไปตกที่ดาวเสีย ร้าย หรือบาป ก็จะแสดงว่า เจ้าชะตานั้นหาโชคลาภและความรุ่งเรืองไม่ได้หรือได้ยาก แต่ศัพท์ Fortune นี่มีผลทางจิตวิทยาทำให้สื่อไปทางดี รวมทั้งศัพท์ในภาษาไทยด้วยคือ องค-ลาภ แต่จะว่าไปอีกที จะแปลกลับแบบทำให้ได้โชคลาภก็ได้เช่นกัน หากมองแบบความมีขั้ว (Polarity) ว่า ถ้าตกที่ดาวเสีย ร้าย หรือบาป เจ้าชะตานั้นก็รุ่งโรจน์ได้ แต่ต้องทำตัวแย่ตามความหมายของดาวที่ไม่ดีนั้น (นี่แสดงถึงว่าเจ้าชะตาบางคนทำชั่วแล้วได้ดี!) ดังนั้นชีวิตใครลำบากนัก เช่น เพราะเสาร์ (SA) ก็ต้องอดทนตามความหมายของดาวเสาร์ (SA) นั้น รวมถึงต้องมีวินัย เดินทางให้มาก เพื่อหาประสบการณ์ หาความรู้ให้มาก ให้ชีวิตแบบประหยัด อยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย แล้วจะรุ่งโรจน์แน่ เป็นต้น จุดองคลาภ ที่แสดงในภาพข้างต้น คือจุด AS+MO-SU (โบราณว่าเป็น องคลาภ ของคนที่เกิด กลางคืน ปัจจุบันนี้พิสูจน์ว่า ไม่จริงหรือจำกัดอย่างนั้น) ซึ่งถ้าตีความอย่างโหราศาสตร์ยูเรเนียนแล้ว (มีความชัดเจนเป็นเนื้อเดียวกันหมด ไม่สับสนเมื่ออัลเฟรด วิตเตอ (Alfred Witte) ได้พัฒนาและขยายขอบเขตขึ้นใช้โดยทั่วไปเป็นพระเคราะห์สนธิ (Planetary Pictures) อันเป็นการตีความที่คมชัดและถูกต้องตามความเป็นจริงอย่างพิสูจน์ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า) แสดงถึงอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมหรือผู้ใกล้ชิด (รวมทั้งตระกูลบ้านช่อง) กล่าวคือลัคนา (AS) รวมกับอารมณ์หรือจิตใจหรือประชาชนหรือสตรี (MO) ต่อตัวเจ้าชะตา (SU) โดยเฉพาะสำหรับเจ้าชะตาที่เป็นชาย (SU) กล่าวคือ ใน A+B-C นั้นให้เอาอิทธิพลของ A ผสมกับ B ผลลัพธ์ลงที่ C (แต่ที่ทางฝ่ายโหราศาสตร์สากลตามแบบแผนตีความลงที่ลัคนา หรือ AS นั้นก็เพราะถือว่าลัคนาคือจุดเจ้าชะตาที่สำคัญที่สุดมาแต่โบราณแล้วเมื่อใช้ระเบียบวิธีวิเคราะห์แบบระบบเรือนชะตา ราศี อันสอดคล้องกับการใช้มุมสัมพันธ์ตามฮาร์โมนิกส์ที่ 12 นั่นเอง แต่ในตอนหลังมา การให้ความสำคัญเช่นนี้ก็ลดลงไปมาก หันเอานิยามที่กำหนดขึ้นดีแล้วของฝ่ายโหราศาสตร์ยูเรเนียนไปปรับใช้เป็นอย่างมาก นี่รวมไปถึงความหมาย MC, AR, NO อีกด้วย นี่ถือว่าเป็นแรงขับที่เกิดขึ้นไปจากฝ่ายโหราศาสตร์ยูเรเนียนอย่างสูงยิ่ง) ในกรณีดวงนี้ ขอแปลสั้น ๆ (ไม่กินความทั้งหมด แต่เพื่อให้ตัดคำว่า หรือ และ ออกไป หวังว่าจะให้สับสนน้อยลง) ว่า ชาติตระกูล + ประชาชน -> ส่งผลต่อเจ้าชะตา = JU.AD.AR ซึ่งก็คือดาวชุดใหญ่ที่แสดงถึงโชคลาภ เป็นเจ้าแผ่นดิน ความ "พอเพียง" ซึ่งจะไปทำมุมสัมพันธ์กันชุดใหญ่กับ MC, KR, AP ดังอธิบายไปแล้วอย่างยืดยาวข้างต้น สังเกตให้ลึกขึ้นก็จะเห็นว่า AS+MO-SU นี้ทำมุมสัมพันธ์ดาวอันกำหนดชะตาชีวิตอย่างสำคัญชุดใหญ่ คือ AS, EQ, KR, MC, ME, AP, SA, AR, JU, AD นี่เรียงจาก AS โดยวนซ้ายไป (ไม่นับไครอน (CH) เพราะข้อมูลตำแหน่งดาว CH มีย้อนไปไม่ถึงสมัยนั้น จึงมีตำแหน่งเดียวกับ AR คือ 0 ซึ่งก็จะไม่ทำให้เสียความหมายแต่อย่างใด เพราะเท่ากับว่าถ้าจะแปลก็กล่าวได้ว่าในสมัยนั้นมีสภาพโลกอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อนั่นเอง) สำหรับเรื่องของ เหตุเกิด พ.ศ. ๖๐ นั้น ยังคงต้องรอไปตอนหน้า เพราะว่าใช้พื้นที่ไปกับการเท้าความและเล่าออกนอกเรื่องไปยาวมากแล้ว ขอฝากเพียงภาพดวงไว้ก่อน ดังนี้ ซึ่งท่านผู้อ่านอาจจะสังเกตเห็นได้ว่า ภาพที่แสดงมานั้นนับจากภาพที่ 2 ผมได้ปรับแก้เวลาเกิดจาก 13:31 น. เป็น 13:27:36 น. ไปแล้ว ก็เนื่องมาจาก เหตุเกิด พ.ศ. ๖๐ นั่นเอง |